
ประวัติความเป็นมาบ้านเมืองหลวง
บ้านเมืองหลวงมีอายุเก่าแก่มากว่า 1,000ปีและต่อมาตั้งเป็นอำเภอห้วยทับทันและมีการปกครองมาตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงปัจจุบัน จากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุในสมัยตอนต้นรัตนโกสินทร์ มีเจ้าเมืองเขมร ได้ยกทัพมาปราบปรามหัวเมืองต่างๆในแถบนี้ได้มาตั้งทัพที่ป่าแห่งหนึ่งปลูกสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับทหารและผู้ติดตามสำหรับเป็นค่ายทหารเพื่อทำการศึกในการทำ สงครามเมืองและในตำนานเมืองน้อยเมืองหลวงได้กล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งสงครามเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทน์ มีขุนนางผู้หนึ่งพร้อมทั้งทหารข้าทาสบริวารชายหญิง ได้ทำการสู้รบข้าศึกที่บริเวณทุ่งฐาน (ปัจจุบันคือ บ้านโคก ตำบลโคกฐาน อำเภออุทุมพรพิสัย) เมื่อได้ชัยชนะก็เคลื่อนขบวนต่อไป แล้วได้หยุดพัก เพื่อซ่อมแซมอาวุธ ซึ่งต่อมากลายเป็นบ้านเตาเหล็ก ขณะที่พักขุนนางนั้นได้ชอบพอกับสตรีพื้นบ้านสองคน จึงได้สมรสในเวลาพร้อมกัน แต่ภรรยาทั้งสองไม่ปรองดองกัน ขุนนางผู้นั้นจึงให้ภรรยาคนที่สองพร้อมไพร่พล เดินทางไปสร้างบ้านห่างจากกันไปประมาณสิบร้อยก้าว ที่บริเวณหนองพอง ต่อมาบ้านที่ภรรยาหลวงอยู่เรียกว่า บ้านเมียหลวง หมู่บ้านที่ภรรยาน้อยอยู่เรียกว่า บ้านเมียน้อย ต่อมาจึงเรียกว่า บ้านเมืองหลวง และบ้านเมืองน้อย อยู่ในเขตอำเภอห้วยทับทันในปัจจุบัน
สภาพทั่วไปของตำบล :
เป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การเพาะปลูก มีพื้นที่ 23,913 ไร่
อาณาเขตตำบล :
ทิศเหนือ ติดกับ อบต.ห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษทิศใต้ ติดกับ อบต.กล้วยกว้าง อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษทิศตะวันออก ติดกับ อบต.ทุ่งไชย อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรสะเกษ ทิศตะวันตก ติดกับ จังหวัดสุรินทร์
อาชีพ
อาชีพหลัก ทำนา อาชีพเสริม รับจ้าง
กลุ่มอาชีพในหมู่บ้านเมืองหลวง
1. กลุ่มพัฒนาสตรี สมาชิก 47 คน ทุนดำเนินการ 110,000 บาท
2. กลุ่ม เสื้อไหมเก็บเย็บมือย้อมมะเกลือ สมาชิก 60 คน ทุนดำเนินการ 100,000บาท
3. กลุ่มเกษตรอินทรีย์ สมาชิก 35 คน ทุนดำเนินการ 10,000บาท
4. กลุ่มเลี้ยงโคพันธุ์ ควายพันธ์ สมาชิก 143คน ทุนดำเนินการ 90,000บาท
5. กลุ่มธนาคารข้าว สมาชิก 50 คน ทุนดำเนินการ 100,000บาท
มีสินค้าชุมชน/ผลิตภัณฑ์ชุมชนดีเด่นคือ เสื้อไหมเก็บลายลูกแก้วย้อมมะเกลืออบสมุนไพร(เย็บด้วยมือ) มีสมาชิก 60 คน ทุนดำเนินการ 150, 000บาท
แหล่งจำหน่าย ในหมู่บ้าน หรือฝากขายส่งโดยทั่วไปผลิตประมาณ 70/100ชิ้น/ปี
เสื้อเก็บวัฒนธรรมที่คงอยู่ในหมู่บ้านเมืองหลวง
1. กลุ่มพัฒนาสตรี สมาชิก 47 คน ทุนดำเนินการ 110,000 บาท
2. กลุ่ม เสื้อไหมเก็บเย็บมือย้อมมะเกลือ สมาชิก 60 คน ทุนดำเนินการ 100,000บาท
3. กลุ่มเกษตรอินทรีย์ สมาชิก 35 คน ทุนดำเนินการ 10,000บาท
4. กลุ่มเลี้ยงโคพันธุ์ ควายพันธ์ สมาชิก 143คน ทุนดำเนินการ 90,000บาท
5. กลุ่มธนาคารข้าว สมาชิก 50 คน ทุนดำเนินการ 100,000บาท
มีสินค้าชุมชน/ผลิตภัณฑ์ชุมชนดีเด่นคือ เสื้อไหมเก็บลายลูกแก้วย้อมมะเกลืออบสมุนไพร(เย็บด้วยมือ) มีสมาชิก 60 คน ทุนดำเนินการ 150, 000บาท
แหล่งจำหน่าย ในหมู่บ้าน หรือฝากขายส่งโดยทั่วไปผลิตประมาณ 70/100ชิ้น/ปี
เสื้อเก็บวัฒนธรรมที่คงอยู่ในหมู่บ้านเมืองหลวง
รายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพละชื่อเสียง
การผลิตไหมไทยในระดับครัวเรือนนั้นเป็นวิถีชีวิตของชาวศรีสะเกษมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การทอผ้าเหยียบ หรือผ้าเก็บ ผ้าลายลูกแก้ว แล้วนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อแล้วย้อมด้วยสีดำจากผลมะเกลือใช้สวมใส่ทั้งตอนทำนาและงานพิธีต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการปักลวดลายหรือมีสิ่งมาประดับตกแต่งให้สวยงาม
ชุมชนบ้านเมืองหลวง
ตำบลเมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม พร้อมๆพร้อมกับการทอผ้าควบคู่ไปด้วย เพื่อผลิตสินค้าที่เชื่อว่า เสื้อไหมเก็บบ้านเมืองหลวง ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งทางด้านความสวยงามและทางด้านความเป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากเสื้อไหมเก็บเป็นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานและมีการเอาประเพณีวัฒนธรรมเข้ามาผสมผสานในงานหัตถกรรมการผลิตเสื้อไหมเก็บ ดังนั้น เสื้อไหมเก็บจึงจำเป็นยิ่งที่จะมีการรักษาและปกป้องเอกลักษณ์ กรรมวิธีและภูมิปัญญาท้องถิ่นในการผลิตไว้เพื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรมควบคู่กับจังหวัดศรีสะเกษและประเทศไทยต่อไป ในขณะเดียวกันก็ต้องเผยแพร่วัฒนธรรมนี้ให้ทั่วโลกได้รู้จักคุณค่าของผลิตภัณฑ์เสื้อไหมเก็บที่ผลิตจากผ้าไหมไทยที่มีคุณภาพและเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากผ้าไหมจากแหล่งอื่นตลอดจนเพื่อคุ้มครองเอกลักษณ์ของชาติโดยการใช้ระบบแสดงแหล่งกำเนิดของสินค้าเพื่อคุ้มครองชื่อเสียงทางการค้าและการป้องกันการลอกเลียนแบบของสินค้าบนเวทีโลก
ผู้ผลิตเสื้อไหมเก็บบ้านเมืองหลวง คือกลุ่มผู้ผลิตเสื้อไหมเก็บบ้านเมืองหลวง ตำบลเมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ประมาณ 100 คน ซึ่งอยู่หมู่ที่ 1, 2,3,4,6 และหมู่ที่10 ตำบลเมืองหลวง ปี 2546 ได้มีการคัดสรรผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในระดับจังหวัด ได้มีการส่งเสื้อไหมเก็บบ้านเมืองหลวง ของแม่คำไล เรืองศรี เข้าคัดสรรและได้รับรางวัลในระดับ 3 ดาว จึงมีการนำมาจดทะเบียนการค้า คำไล เพื่อเป็นเกียรติแก่แม่คำไล เรืองศรี ผู้ส่งเสื้อไหมเก็บเข้าคัดสรรในระดับจังหวัด โดยมีโลโก้ หรือตราสัญลักษณ์เป็นรูปกำไล คล้องแขน ส่งจำหน่ายในปัจจุบัน
ประวัติเสื้อไหมเก็บบ้านเมืองหลวง
ประวัติความเป็นมาของเสื้อเก็บ ในอดีตมีชายชราผู้หนึ่งในหมู่บ้านเมืองหลวง ได้เดินทางเข้าไปในป่าได้พบตัวหนอนและเห็นว่ามีรูปร่างสวยดีจึงได้นำมาเลี้ยงไว้ ต่อมาตัวหนอนได้ทำรังและมีเส้นใยออกมา จึงนำไปต้มและสาวเอาเส้นใยออกมา จนเหลือเฉพาะตัวหนอนเรียกว่า ดักแด้ นำไปเป็นอาหารได้ ส่วนผ้านำไปทอเป็นผ้าสีขาวเหลือง ต่อมาจึงนำมาย้อมด้วยผลมะเกลือผสมน้ำ แล้วนำผ้าไหมลงย้อม จนพบว่าผ้าไหมเปลี่ยนเป็นสีดำ
ส่วนลายผ้าไหมได้ความคิดมาจากลวดลายแกะสลักหอระฆังในหมู่บ้านซึ่งมีรูปร่างเป็นช่อคล้ายลูกแก้วในปัจจุบัน และส่วนหนึ่งได้ลวดลายมาจากผู้ชายสมัยก่อนได้สานฝาบ้าน ซึ่งเรียกว่า ฝากระแตะ โดยสานเป็นลวดลายที่สวยงาม ซึ่งเมื่อได้พบเห็น ผู้หญิงสมัยนั้นจึงได้ทำการแกะลวดลายดังกล่าวไว้เพื่อนำไปใช้เป็นลวดลายทอผ้าขึ้นมาเป็นลักษณะรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนเล็กใหญ่ซ้อนกันเป็นจุด กระจายทั้งผืนผ้าและตั้งชื่อว่าลายลูกแก้ว จนถึงปัจจุบัน
ชายเสื้อเก็บของเด็กๆ ชาวบ้านเมืองหลวง พลิ้วไหวยามต้องลม เสื้อไหมดูโดดเด่นขึ้นทันตา เมื่อเด็กน้อยเดินตัดทุ่งนาสีเขียวยามฤดูฝนเสื้อเก็บลายลูกแก้วสีดำเป็นเสื้อประจำท้องถิ่นของคนไทยเชื้อสายเขมร แห่งบ้านเมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ กลุ่มสตรีชาวบ้านนิยมถักทอตัดเย็บสำหรับสวมใส่มาเนิ่นนานนับร้อยปีแล้วเมื่อว่างเว้นจากงานในไร่นา หญิงในหมู่บ้านจะปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้าขึ้นใช้เองในครัวเรือน เพื่อคั่นเวลาก่อนฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตจะมาถึง ระหว่างนี้หญิงชาวบ้านจะทอผ้าไหมลายลูกแก้ว ใช้ตัดเย็บเป็นเสื้อเก็บอบสมุนไพร เอาไว้สวมใส่ในชีวิตประจำวัน และยามมีงานบุญประเพณีเสื้อเก็บของชาวบ้านเมืองหลวงมีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่มีสีดำเลื่อมมันวาว ปักลายด้วยเส้นไหม สีสดเกิดลวดลายสวยงามบนตัวเสื้อ สีดำที่ช่วยขับเสื้อเก็บให้โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์นี้ไม่ได้ ย้อมขึ้นด้วยสีเคมี แต่เป็นการย้อมซ้ำไปซ้ำมาจากผล มะเกลือด้วยกรรมวิธีที่ซับซ้อนพิถีพิถันนี้เอง สะท้อนว่าเสื้อเก็บไม่เพียงแต่เป็นอาภรณ์สวมใส่เท่านั้น แต่ยังบ่งบอกถึงวัฒนธรรมและ ภูมิปัญญาเพราะเป็นมรดกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ทุกคนในหมู่บ้านเห็นความสำคัญ อยากให้เด็กๆ ร่วมกันอนุรักษ์ ทุกวันศุกร์เด็กๆ จะแต่งกายด้วยเสื้อเก็บไปโรงเรียนกันถ้วนหน้า นอกจากใส่ไปโรงเรียนและงานประเพณีต่างๆ แล้ว เสื้อเก็บตัวเก่งยังรับหน้าที่กันแดดกันหนาวยามหยิบมาสวมใส่ต่างฤดูกาล
กว่าจะได้เสื้อเก็บสีดำขนาดนี้ เราต้องนำผ้ามาย้อมมะเกลือซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง เพื่อให้สีดำติดทนนาน บางคนต้องย้อมนาน 2-3 ปี เขาจะย้อมเฉพาะฤดูกาลที่มะเกลือออกผล พอหมดฤดูก็เลิกย้อม เก็บเสื้อเก็บเอาไว้ย้อมใหม่ในปีถัดไปเงื่อนไขที่มีผลให้การย้อมสีต้องขึ้นอยู่กับฤดูกาล
ผลมะเกลือที่เหมาะแก่การนำไปย้อมผ้าควรเป็นผลสีเหลืองอมเขียว ชาวบ้านจะเรียกระยะนี้ว่า มะเกลือสาว ข้อดีคือจะให้น้ำยางดีกว่ามะเกลือที่ผลอ่อนหรือแก่เกินไป
ผลมะเกลือที่เหมาะแก่การนำไปย้อมผ้าควรเป็นผลสีเหลืองอมเขียว ชาวบ้านจะเรียกระยะนี้ว่า มะเกลือสาว ข้อดีคือจะให้น้ำยางดีกว่ามะเกลือที่ผลอ่อนหรือแก่เกินไป
ขั้นตอนการย้อมมะเกลือ
แบบย้อมเย็น มะเกลือดิบ และสมุนไพรให้กลิ่นหอมอย่างใบเล็บครุฑและต้นหัวหงอกถูกตำผสมรวมกันในครกไม้ คั้นน้ำมะเกลือผสมน้ำเปล่าในภาชนะแล้วนำเสื้อไหมลงย้อม จนน้ำมะเกลือซึมเข้าไปในเนื้อผ้าจนทั่ว เสร็จแล้วยกขึ้นนำไปตากแผ่ออกที่พื้นคอนกรีตหรือพื้นดิน เมื่อเสื้อแห้งแล้วเราจะต้องนำกลับมาย้อมใหม่อยู่เรื่อยๆ เมื่อย้อมมะเกลือไปแล้ว 1-2 วัน จะต้องนำเสื้อเก็บไปต้มในน้ำร้อน แล้วล้างน้ำให้สะอาด เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกออกก่อนนำเสื้อไปย้อมมะเกลือในครั้งต่อไป
ลวดลายที่ปรากฏบนตัวเสื้อ หญิงชาวบ้านจะเลือกใช้เส้นไหมสีแดง ขาว และส้ม มาปักลายหรือเรียกว่าการแซว ลายที่ใช้จะใช้ลายตีนตะขาบ ลายหางตะกวด ลายขามดแดง ซึ่งเป็นลายดั้งเดิมเป็นหลัก
ลายตีนตะขาบ เป็นลายที่เย็บต่อตัวเสื้อกับแขนรอบวง ส่วนลายหางตะกวดและลายขามดแดงจะใช้แซวตรงริมเสื้อ ริมแขน ริมชายเสื้อ ริมคอเสื้อ ริมสาบเสื้อ และริมผ้าที่แหวกข้างลำตัวไปจนสุดชายเสื้อ ตัวเสื้อจะไม่มีกระดุมแต่จะใช้เชือกผูก ในอดีตจะประดับด้วยเงินหรือเงินพดด้วง แต่ปัจจุบันไม่นิยมเพราะมีราคาสูง ปัจจุบันเสื้อเก็บมีการพัฒนาลวดลายที่จะใช้ในการแซวตามสมัยนิยมและขึ้นอยู่กับจินตนาการของผู้แซวมากขึ้น
เสื้อเก็บตัวหนึ่งๆ จะประกอบไปด้วยจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ของผู้แซวเสื้อ นอกจากนี้ยังบ่งบอกถึงความพยายามและความประณีตมาประกอบกัน คนที่นำมาใส่ภูมิใจเพราะคนที่ทำตั้งใจทำ เพราะต้องผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน
เสื้อเก็บอบสมุนไพรอวลกลิ่นหอมยามสวมใส่ ดับกลิ่นกายซับเหงื่อยามร้อน และให้ความอบอุ่นยามหนาว สวยงามยามสวมใส่ มีความหมายแสดงถึงตัวตนของผู้คนแห่งบ้านเมืองหลวง สะท้อนวัฒนธรรมภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบทอดต่อไป....
เสื้อเก็บอบสมุนไพรอวลกลิ่นหอมยามสวมใส่ ดับกลิ่นกายซับเหงื่อยามร้อน และให้ความอบอุ่นยามหนาว สวยงามยามสวมใส่ มีความหมายแสดงถึงตัวตนของผู้คนแห่งบ้านเมืองหลวง สะท้อนวัฒนธรรมภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบทอดต่อไป....
ที่มาข้อมูล
รายการทุ่งแสงตะวัน
เอกสารโครงการนำร่องหมู่บ้านผลิตไหมไทยภายใต้สิ่งชี้บ่งทางภูมิศาสตร์(GIs – Geographical Indications)
ผู้ใหญ่บ้านเมืองหลวง นายอรรถทวี อินทร์แก้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น